top of page

เทรนด์แฟชั่นรักษ์โลกสุดล้ำ เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน



คุณนึกถึงอะไรเมื่อได้ยินคำว่า “Sustainable Fashion” “แบรนด์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ?

ปัจจุบันนี้ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่เริ่มหันมาใส่ใจในเรื่องของเทรนด์แฟชั่นแบบยั่งยืนกันมากขึ้นกระแสแฟชั่นรักษ์โลกกำลังมาแรง เราจะเห็นในโซเชียลมีเดียต่างก็ออกมาโฆษณากันมากขึ้น เมื่อไรก็ตามที่คุณเลื่อนดูแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ คุณอาจจะเห็นโพสต์เกี่ยวกับเทรนด์แฟชั่นแบบยั่งยืนอย่างน้อยหนึ่งรายการ


ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากระแสแฟชั่นนั่นเปลี่ยนไปเร็วมาก แบรนด์ต่างๆ พากันเอาใจขาช้อปด้วยการออกคอลเลกชั่นใหม่ตลอดเวลา สินค้าแฟชั่นตามกระแสนิยม หรือ Fast Fashion จึงดูเป็นสิ่งที่สวนทางกับแนวคิดอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากกระบวนการผลิตที่เน้นสินค้าปริมาณมาก ภายในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากจะสร้างมลพิษต่อทรัพยากรธรรมชาติโดยตรงแล้ว ยังก่อให้เกิดขยะปริมาณมากด้วย


เราจึงร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ตระหนักถึงปัญหานี้ ร่วมกันพัฒนาและออกแบบสินค้า เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ด้วยการค้นคว้าหาวัสดุ Recycled , Accessories ต่างๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการนำเอา Material ที่มีอยู่แล้ว ออกมาผลิตเป็นคอลเลคชั่นพิเศษนี้ขึ้นมา ตลอดจนคำนึงถึงกระบวนการผลิต และอายุการใช้งานของสินค้า ทั้งนี้เพื่อนำไปสู่การมีสิ่งแวดล้อมที่ดี และสร้างสมดุลให้กับโลก และไม่เป็นต้นเหตุของการทำลายสิ่งแวดล้อม


ใครจะรู้ว่า ในกระบวนการผลิตเสื้อผ้านั้น มีการปล่อยคาร์บอนไม่ใช่น้อยเลยที่เดียว เราจึงเริ่มตระหนักถึงผลกระทบจากสภาวะโลกร้อนกันมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดเรื่องราวของคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) คำศัพท์ซึ่งอ่านดูแล้วไม่ค่อยคุ้นหูนักกับวงการแฟชั่น แต่ความจริงแล้วคาร์บอนฟุตพริ้นท์นี้ถูกนำไปใช้แล้วในหลายอุตสาหกรรม และหนึ่งในนั้นก็คืออุตสาหกรรมสิ่งทอ


Carbon Footprint คืออะไร?


Carbon Footprint คือปริมาณรวมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ เช่น ก๊าซมีเทน ก๊าซหัวเราะ เป็นต้น ที่ปล่อยออกมาจากผลิตภัณฑ์หรือบริการ (ตามข้อกำหนด ISO 14040) ตลอดวัฎจักรชีวิต ซึ่งแหล่งกำเนิดของก๊าซดังกล่าวมาจากกิจกรรมต่างๆ เช่น การไฟฟ้า การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล กระบวนการในภาคอุตสาหกรรมหรือกสิกรรม เป็นต้น


คาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นการวัดผลกระทบของผลิตภัณฑ์และบริการจากกิจกรรมของคน ที่มีต่อสิ่งแวดล้อมในเชิงปริมาณ โดยใช้ตัวบ่งชี้คือโอกาสในการเกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งอุตสาหกรรมสิ่งทอนี้ก็มีส่วนก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนเช่นเดียวกัน ดังนั้นเราจึงควรตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม ช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาติ และร่วมมือกันลดมลพิษให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้


ที่มาจาก :


Featured Posts
Recent Posts
Archive
Search By Tags
bottom of page